|
Post by kingenima on Sept 22, 2016 14:21:15 GMT 7
"นี่ๆ เธอเคยได้ยินเรื่องนี้รึเปล่า" เด็กสาวผมทองสั้นพูดขึ้น
"เรื่องอะไรเหรอ" เด็กสาวผมเงินอีกคนตอบกลับไป นั่งเอามือสไลด์สมารืทโฟนของเธอราวกับไม่สนใจ
"สมบัติแห่งบาบิโลเนียยังไงล่ะ"
"เห นั่นมันเรื่องแต่งไม่ใช่รึยังไงกันน่ะ คุณปู่เล่าให้ชั้นฟังจนเบื่อแล้วล่ะ"
"ไม่หรอกๆ ดูนี่สิ" เด็กสาวกางหนังสือพิมพ์ขึ้นมาบนโต๊ะ "ในข่าวนี้น่ะ บอกไว้ว่า พวกนักสำรวจน่ะเจอวัตถุประหลาดลอยมาติดที่อ่าวเม๊กซิโกน่ะ"
"แล้วยังไงล่ะ" เด็กสาวอีกคนตอบกลับไป เด็กสาวต้นเรื่องยิ้มออกมา
"ข้างในน่ะมันเป็นเหรียญทองยังไงล่ะ" เธอพูดขึ้น ก่อนจะชี้ไปที่รูปของเหรียญทองที่ขุดพบ "แล้วก็นะ..." เธอหยิบสมาร์ทโฟนของเธอขึ้นมา เลื่อนหน้าจอรัวๆราวกับตามหาอะไรบางอย่าง
"ดูนี่สิ ดูนี่ พวกนักวิทยาศาสตร์ตรวจอายุคาร์บอนในเหรียญนั่นแล้ว มันมีอายุกว่า400ปีเลยนะ" เด็กสาวอีกคนที่ตอนแรกได้ยินก็ไม่สนใจ ในตอนนี้ถึงกับหูพึ่งขึ้นมาทันที
"เดี๋ยวสิ" เธอตอบกลับไป รีบหันมาหาและคว้าสมาร์ทโฟนนั่นไปดูทันที "มากกว่า4000ปี งั้นก็มีมาตั้งแต่สมัยบาบิโลเนียเลยน่ะสิ อย่าบอกนะว่า" เด็กสาวอีกคนยิ้มกรุ้มกริ่ม
"บอกแล้วไง ว่าของจริงน่ะ" เธอพูดขึ้นมา เด็กสาวที่ตอนแรกไม่สนใจ ในตอนนี้แววตาของเธอเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น "ว่าไงล่ะ ไหนๆเราก็จะจบมหาลัยกันแล้ว ช่วงปิดเทอมฤดูร้อนก็ว่างด้วยสิ ถ้ายังไงเรา...."
"แปปนะ" เด็กสาวผมเงินตอบกลับไป ก่อนจะกดโทรศัพธ์ของเธอ "ฮัลโหล โอโพโดใช่รึเปล่าคะ? ค่ะๆ อยากจะจองไฟลท์ไปเม๊กซิโกสองที่นั่งค่ะ ในวั...." เด็กสาวผมเงินรีบโทรศัพท์ไปจองตั๋วด้วยใบหน้าที่รื่นเริงอย่างมาก ส่วนเด็กสาวผมทองเองก็รีบเตรียมตัวเช่นเดียวกัน
"นี่ เดี๋ยวชั้นไปซื้อหนังสือก่อนนะ เธอเตรียมตัวไว้เลยละกัน" พูดจบเธอก็หยิบเสื้อโค้ทมาคลุมตัวเธอแล้ววิ่งออกจากบ้านไป ส่วนเด็กสาวผมเงินก็เขียนโน้ตรายละเอียดต่างๆเตรียมพร้อมไว้ด้วยมบหน้าที่มีความสุข
"สมบัติของบาบิโลเนียยังงั้นเหรอ" เธอพูดขึ้นมา ก่อนจะเดินไปที่โต๊ะของเธอ หยิบรูปขึ้นมาดู "คุณปู่ ดูเหมือนว่าตำนานของคุณปู่ จะเป็นจริงแล้วล่ะนะคะ" เธอพูดขึ้นมา ยิ้มด้วยใบหน้าสดใส "เอาล่ะ เก็บของๆ" พูดจบเธอก็เดินไปเก็บข้าวของทันที
"และแล้ว การผจญภัยตามล่าขุมทรัพย์ของทั้งสอง ที่จะเต็มไปด้วยความสนุกสนาน ความระทึกใจ ความมันส์ ความระหำ่และความซึ้ง กำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว!!!!
|
|
|
Post by kingenima on Sept 23, 2016 17:30:23 GMT 7
ตอน บาบิโลเนีย
ภายหลังการค้นพบกอันยิ่งใหญ่นั้น แน่นอนว่ามันได้กลายเป็นข่าวและกรแสไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นข่าวที่กระฉ่อนไปทั่วโลก หรือจะเป็นไวรัลทางอินเตอร์เน็ต เรื่องเหรียญทองของบาบิโลเนียนั้นได้กลายเป็น
ประเด็นใหญ่โตระดับโลกไปในทันที นักวิทยาศาสตร์ต่างพากันฮือฮา และเตรียมตัวใช้มันเพื่องานวิจัยร่วมกับนักโบราณคดี เพื่อไขความลับในอดีต ความเป็นมาของวัฒนธรรมต่างๆนั่นเอง แต่ใครจะไปรู้กัน...
ว่าเบื้องหลังการค้นพบอันยิ่งใหญ่ของมนุษยชาตินี้ จะมีความมืดคืบคลานเข้ามา เพื่อครอบครองทุกสิ่ง.....
เม๊กซิโก วันที่24กุมภาพันธ์ 20xx หลังการค้นพบเหรียญทองที่อ่าวเม๊กซิโก เมืองเมริดา เวลา14.00ณ.ตามเวลาท้องถิ่น
"เอาล่ะครับทุกท่าน กรุณาเข้าแถวกันให้เป็นระเบียบด้วยนะครับ ขอความกรุณาห้ามทานอาหาร หรือว่าถายภาพด้วยนะครับ" เสียงพนักงานต้อนรับพูดผ่านไมค์ ณ ที่จัดงานนิทรรศการแสดงโชว์ถึงการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่นั่นเอง
ผู้คนมากมายต่างให้ความสนใจกันอย่างคับคั่ง เพราะนี่คือสิ่งแปลกใหม่ที่ไม่ได้พบเจอกันมานานแล้วนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นเด็กๆ วัยรุ่น หรือผู้ใหญ่ ต่างก็เข้ามาเยี่ยมชมงานนิทรรศนี้กันทั้งนั้น ในงานประกอบไปด้วยเหรียญทอง
ต่างๆที่เพิ่งถูกค้นพบ ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ของบาบิโลเนียรวมไปถึงข้อมูลของสมบัติต่างๆทั่วโลกที่เปิดไว้ให้ผู้สนใจเข้ามาศึกษานั่นเอง ทั้งยังมีอีเวนท์เล็กๆ ให้เด็กๆได้ทดลองเป็นนักขุดค้นทางโบราณคดีกันอีกด้วย ผู้คน
ในงานต่างพากันสนุกกัน แต่ในเวลาเดียวกันนั่นเอง ก็มีสายตาจ้องมองมาอย่างไม่ละสายตา บุคคลในฮู้ดคลุมหน้าคนหนึ่ง กำลังจ้องมองไปที่ตู้โชว์เหรียญทองนั่นอย่างตามไม่กระพริบ ก่อนที่จะชายตามองไปยังชายคนหนึ่ง
ซึ่งเป้นหนึ่งในผู้ค้นพบนั่นเอง บุคคลนั้นเอามือขึ้นมาบริเวณริมฝีปาก ในมือนั่นมีไมค์ขนาดเล็กอยู่
"laqad hasalat ealayh alan" บุคคลนั้นพูดขึ้นมา ดูเหมือนจะเป็นภาษาอาหรับ ก่อนที่จะมีเสียงตอบกลับมา
"hasanana,eindama taghrub alshms. aldhdhahab takhudhuha. qutil aljamie fi hadha almakan" เสียงตอบกลับมา เป็นเสียงของชายขาวอิรักผิวเข้มคนหนึ่ง
นั่งอยู่ในห้องมืดๆพร้อมกับสุนัขพันธ์โดเบอร์แมนตัวใหญ่สองตัว และคนรับใช้หญิงกำลังยืนรอคำสั่งอยู่หน้าประตู "qad jalajamish yaetani bika"
"fahumtak" บุคคลในฮู้ดตอบ ก่อนจะหันไปอีกทางหนึ่งเพื่อเจอฮู้ดอีกคนหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าให้กัน ฮู้ดอีกคนเอาวิทยุขึ้นมา ก่อนจะวอออกไป ก่อจะตัดมาที่รถมัสแตงค์คันหนึ่งที่จอดอยู่ด้านนอกงานนิทรรศนั่น
"waqad tammat almuafaqat ealaa khuttat lidayna. alhusul ealaa alrrijal jahiza. sayakun mumattaeaan" เสียงวอดังขึ้นมา ชายหนุ่มในรถทั้งสองได้ยินก็ยิ้มออกมา
ชายคนหนึ่งที่ดูจะเป็นชาวเม๊กซิกันเดินลงจากรถ ก่อนจะไปเปิดท้ายรถ ในนั้นมีปืนอยู่มากมาย ส่วนชายอีกคนที่นั่งอยู่ตรงคอนโซลก็เปิดคอนโซลรถออก คว้าโน้ตบุ้คออกมา ก่อนจะโยงสายไในรถเสียบเข้าช่องHubของ
โน้ตบุ้คนั่น สตาร์ทรถเพื่อเปิดให้เห็นเรดาห์ขึ้นมา
"Planta dispositivo habilitado El maestro prepararse bien"ชายในรถพูดขึ้นเป็นภาษาสเปนให้ชายหลังรถได้ยิน ชายหลังรถก็ยิ้มออกมา ก่อนจะวอกลับไปหาคนในงานนิทรรศนั้น
เมื่อคนในงานนิทรรศได้ยินดังนั้น ก็หันไปหาอีกคนหนึ่ง ก่อนที่ทั้งสองจะค่อยๆหายตัวไปกับความมืดในงานนั่นเอง"
"คิดว่าจะสำเร็จรึเปล่าคะ" เสียงหญิงสาวคนหนึ่งพูดขึ้นมา หมาโดเบอร์แมนได้ยินเสียงก็รีบวิ่งไปคลอเคีลียที่ขาของเธอทันที เจ้าของเสียงเป็นหญิงสาวหุ่นดีนางหนึ่งในผมสีขาวยาวกลางหลัง
ตาข้างหนึ่งสีเขียวมรกต ส่วนอีกข้างสีเหลืองอำพัน ดูท่าทางจะเป็นคนรัสเซีย เธอเดินเข้ามาหาชายที่นั่งอยู่บริเวณโต๊ะนั่น ก่อนจะวางเอกสารไปบนโต๊ะ "คุณก็รู้นี่ว่านี่มันเป็นงานที่จัดโดยสหประชาชาติน่ะ"
"หึๆ ยานิม คุณคิดมากเกินไปแล้ว" ชายคนนั้นตอบกลับไป "พวกฮัสซันน่ะ ไว้ใจได้อยู่แล้วล่ะ กะอีแค่ลักพาตัวคนๆเดียวกับเหรียญไม่กี่อัน ไม่เกินความสามารถหรอก" ชายคนนั้นตอบกลับไป หญิงสาวยิ้มและหัวเราะเบาๆ
"เป็นคนที่มองโลกในแง่ดีเกินคาดเลยนะคุณน่ะ" ยานิมตอบกลับไป "คุณว่าที่ผู้สืบสายเลือดของกิลกาเมช"
"ไม่ใช่ว่าที่หรอก" ชายคนนั้นตอบกลับไป "แต่ผม อาลี เลอ ซิซีลน่ะ คือผู้สืบสายเลือดของกิลกาเมซต่างหาก" เขาตอบกลับไป
"และเหรียญนั่นน่ะคือสมบัติของบรรพบุรุษของผม ผมก็แค่นำมันกลับมาสู่ตระกูลมันจะไปผิดอะไรอย่างนั้นหรือ คุณยานิม" ชายหน่มพูดขึ้นมา หนัหน้ากลับมามองหญิงสาว หญิงสาวส่ายหน้าเบาๆ
"ถ้ายังนั้นก็ขอให้ได้ตามที่หวังละกัน ส่วนดิชั้นขอตัวก่อนค่ะ" เธอพูดก่อนจะก้มหัวให้หนึ่งครั้งแล้วเดินออกจากห้องไป อาลีลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินไปที่หน้าต่าง
ก่อนจะหยิบของในกระเป๋ากางเกงของเขาออกมา มันเป็นเหรียญเชเท็คโบราณ เขาหมุนไปมาและก็ยิ้มย่องหัวเราะออกมา
"สมบัติในโลกนี้เป็นของราชาแห่งราชันย์ทั้งหมด และพวกมัน จะต้องกลายเป็นของชั้นเช่นกัน!!!"
ตัดกลับไปที่ Mexico เมืองเมริดา ขนส่งมวลชน เวลา 16.25ณ.ตามเวลาท้องถิ่น
"บ้าจริงเกือบจะมาไม่ทันแล้วไม๊ล่ะ" เด็กสาวในผมสีทองพูดขึ้นมา ก่อนจะรีบขนของลงจากรถเข็น แล้วรีบเดินไปโบกแท๊กซี่ทันที
"ก็เพราะเธอมัวแต่เลือกมากนั่นแหละ" เด็กสาวผมเงินตอบ "จะทาโก้หรือนาโช่ก็อร่อยเหมือนกันทั้งนั้นแหละหน่า"
"ไม่ใช่ซะหน่อย นาโช่น่ะแคลลอรี่เยอะกว่าทาโก้ตั้งเยอะ" เธอตอบกลับไป ก่อจะเปิดประตูรถคุยกับคนขับแท๊กซี่ "Vamos a exponerlo"
"Exponerlo?" คนขับแท็กซี่ตอบกลับไป เด็กสาวผมทองหญิบใบปลิวมาแผ่นหนึ่ง เป็นใบปลิวโฆษณางานนิทรรศการนั่นเอง คนขับแท๊กซี่เห็นก็ทำหน้าเหมือนเข้าใจขึ้นมาก่อนจะชี้มือไป ฝั่งตรงข้าม
"Si la exposición es lo que es allá arriba viniendo enseguida que era la mía" เด็กสาวผมทองได้ยินก็พยักหน้า
"gracias!" เธอพูดขึ้นก่อนจะรีบวิ่งข้ามถนนไปกันสองคนอย่างรวดเร็ว "บ้าจริง หวังว่าคงไปทันนะ"
"คิดว่าทันอยู่แล้วแหละ" ทั้งสองคุยกันในสภาพที่วิ่งลากกระเป๋าไปอย่างรวดเร็ว พวกเธอวิ่งตรงเข้าซอยไปตามคำบอกของคนขับแท๊กซี่ เด็กสาวผมเงินทำสมุดหล่น เธอจึงหยุดวิ่งแล้วเดินกลับไปเก็บทันที
"มัวทำอะไรอยู่น่ะ เดี๋ยวก็ไม่ทันหรอก" เด็กสาวผมทองทักท้วง
"เธอล่วงหน้าไปก่อนเลย" เด็กสาวผมเงินตอบกลับไป เธอก้มลงเก็บสมุดจดของเธอกับปากกาและของต่างๆที่กระจายออก "ซุ่มซ่ามเป็นบ้าเลยนะเราเนี่ย" เธอบ่นกับตัวเอง และเอื้อมมือไปหยิบปากกา
การหยิบปากกาของเธอนั้น ทำให้เธอได้เห็นอะไรแปลกๆ เธอเหลือบไปเห็นรถมัสแตงที่เปิดกระโปรงท้ายอยู่คนนั้นนั่นเอง "รถคันนั้น แปลกๆแหะ" เธอพูดกับตัวเอง ก่อนจะรีบเก็บของใส่กระเป๋า
แล้ววิ่งตามเด็กสาวผมทองไปทันที "นี่ รอด้วยๆ" เธอวิ่งตามเด็กสาวผมทองทัน ก่อนที่ทั้งสองจะเดินเข้าไปในงานนั่นไป
|
|
|
Post by tonklmynameisjeff on Sept 23, 2016 22:23:57 GMT 7
รูปน่ากลัวมาก เห็นแล้วหำหดเลย แมม่ง
|
|
|
Post by kingenima on Sept 25, 2016 17:08:36 GMT 7
ตอน Event horizon
เมืองเมริดา นิทรรศการ เวลา16.45ณ ตามเวลาท้องถิ่น
"นี่ รอชั้นด้วยซี่ เด็กสาวผมเงินพูดขึ้นมา ในขณะที่กำลังวิ่งอยู่เพื่อตามเด็กสาวผมทองที่ล่วงหน้าไปแล้วให้ทัน เด็กสาวผมทองที่ยืนรออยู่หน้าทางเข้าก็ชักสีหน้าหงุดหงิดขึ้นมา ก่อนจะงับทาโก้ในมือไปคำโต เด็กสาวผมเงินที่วิ่งตามมาทันก็เอามือกุมเข่า หอบแฮ่กๆออกมาด้วยความเหนื่อยล้า
"ชั้นเอากระเป๋าไปฝากมาแล้วนะ เธอเองก็เอาไปฝากด้วยสิ" เด็กสาวผมทองพูด แล้วชี้ไปทางเคาน์เตอร์ข้างๆ เด็กสาวผมเงินเห็นก็รีบเดินไปทันที
"ฝากกระเป๋าหน่อยค่ะ" เธอพูดขึ้นมา ก่อนจะยกกระเป๋าขึ้นวางบนเคาน์เตอร์ พนักงานรับกระเป่านั่นมาแล้วเก็บไว้ในชั้นวางด้านหลัง ก่อนจะหยิบบัตรรหัสส่งให้กับเธอไป เด็กสาวผมทองรับมาก็เดินมากลับมาที่เดิม ก่อนจะังเกตอะไรในมือเด็กสาวผมทอง ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินเข้าไปในงานนั่นเอง
"นั่นมันใบปลิวนิทรรศการสินะ ขอดูหน่อยสิ" เธอพูดขึ้นก่อนจะหยิบมันมาดู "ไหนดูซิ ขุมทรัพย์โซโลม่อน สมบัติของเดวี่โจนส์เหรอ อู้หู มีแต่ของชื่อดังทั้งนั้นเลยนี่นา"
"ใช่ไม๊ล่า" เด็กสาวผมทองตอบกลับไป ก่อนจะงับทาโก้ไปเต็มคำ พูดออกมาทั้งยังนั้น "งานนิทรรศนี้น่ะรวบรวมสมบัติที่มีการค้นพบจากทั่วโลกไว้เลยล่ะ มีทั้งข้อมูลต่างๆ คำวิจารณ์จากนักล่าสมบัติ ข้อวิเคราะห์จากเหล่านักโบราณคดี เรียกได้ว่าจัดเต้มเลยทีเดียว" เธอกินทาโก้ของเธอจนหมด เอามือมาเลียและดูดนิ้วที่เปื้อนชีสกับซอสนั่น "รู้สึกคุ้มค่าที่มาเลยล่ะสิ" เธอพูด เด็กสาวผมเงินยิ้มออกมา
"ยังไม่ทันดูเลย จะรู้ได้ไงว่าคุ้มไม่คุ้มกันน่ะ" เธอตอบกลับไป ก่อนจะพับใบปลิวนั่นใส่กระเป๋าหิ้วของเธอ "อ๊ะ นั่นไงพระเอกของงาน" เธอพูด ก่อนจะชี้ไปยังตู้กระจกขนาดใหญ่ตรงกลางงาน พวกเธอสองคนรีบรุดหน้าไปดูมันทันที ด้านในตู้นั่นมีเหรียญทองอยู่ราวๆ10เหรียญวางเรียงกันอยู่ พร้อมกับพาชนะทองคำมากมาย ไม่ว่าจะเป็นถ้วยจานชามหรือจอก ทั้งหมดดูสวยงามมาก เด็กสาวทั้งสองคนมองดูก็ยิ้มร่าด้วยความตราตรึงใจ
"สวยมากเลยนะเนี่ย ว่าไม๊" เด็กสาวผมเงินพูดขึ้นมา เด็กสาวผมทองพยักหน้าหงึกๆตอบรับ
"ลองจินตนาการถึงคลังสมบัติที่มีของพวกนี้อยู่นับไม่ถ้วนดูสิ มันจะสุดยอดขนาดไหนกันนะ" เด็กสาวผมทองพูดขึ้น แววตาของเธอดูดุดันและเกรี้ยวกราดมาก เด็กสาวผมเงินมองดูก็ยิ้มออกมาแห้งๆ
"ชีวิตนี้จะหาเจอรึเปล่ายังไม่รู้เลยนะเธอ" เธอตอบกลับไป เด็กสาวผมทองหัวเราะหึๆ
"ถ้าชั้นได้สมบัติพวกนั้นมาล่ะก็ แม่จะตะลอนกินให้ทั่วโลกเล้ย!!!" เธอตะโกนออกมาเสียงดัง เด็กสาวผมเงินเอามือจุ๊ปากด้วยความเขินอายแทนเพื่อนของเธอ เด็กสาวผมทองยังคงหัวเราะร่าราวกับผู้ชนะ ผู้คนรอบๆที่มองมาก็หัวเราะให้กับความน่ารักสดใสของเธอนั่นเอง
"หัวเราะดังไปแล้วนะเธอน่ะ" เด็กสาวผมเงินพูดขึ้น ก่อนเธอจะเหลือบไปเห็นใครสักคนที่กำลังเดินมาทางนี้ "อ๊ะ ศาสตราจารย์เคลวินนี่" เธอพูดขึ้นมา เด็กสาวผมทองได้ยินก็หูผึ่ง
"อ้าว พวกเธอ มาด้วยเหรอเนี่ย" ชายหนุ่มวัยกลางคนในชุดสูททักขึ้นมา ดูภายนอกแล้วเหมือนชายแก่วัยกลางคนทั่วไป แต่ภายในของเขานั้นเต็มไปด้วยองค์ความรู้มากมายที่เหมาะสมกับแว่นตากลมบนใบหน้าของเขานั่นเอง
"ศาตราจารย์ขาาาา" เด็กสาวผมทองพูดขึ้นมา ก่อนจะวิ่งมาเกาะแขน "ไม่นึกเลยว่าจะได้เจอที่นี่"
"นี่มันงานวิจัยของชั้น ชั้นก็ต้องมาสิ" เขาตอบกลับไป เอามือลูบหัวเด็กสาวที่กำลังคลอเคลียแขนของเาราวกับลูกแมวอยู่ไปเบาๆ "ว่าแต่มากันไกลเลยนะพวกเธอเนี่ย สนใจสมบัติของบาบิโลนขนาดนั้นเลยเหรอ" เด็กสาวผมเงินพยักหน้า
"ก็มันเป็นเรื่องเล่าที่คุณปู่ทิ้งเอาไว้นี่คะ ก็เลยสนใจ ไม่สิ สนใจมากๆเลยล่ะค่ะ" เด็กสาวตอบกลับไป ทั้งสามคนยืนคุยกันคิกคักอย่างสนุกสนาน แต่บรรยากาศที่สนุกสนานนั่นกำลังจะจบลง
"alnnas yatun 'iilaa ma yaqrub min(มีคนเข้ามาเกะกะ)" บุคคลในชุดฮู้ดพูดใส่วิทยุสื่อสารของเขา สายตากำลังจ้องมองไปยังทั้งสามคนนั่น
"la yatimm alqabd maeaha, thumm qutil fi waqt lahiq(อย่าไปสนใจ จับตัวมันมาด้วย แล้วค่อยว่ากันอีกที)" คนในรถวิทยุตอบกลับมา เมื่อฮู้ดได้ยินก็ตอบรับกลับไป ก่อนจะเก็บวิทยุสื่อสารนั่นไป แล้วหยิบกริซประดับเพชรออกมาจากชุดคลุมนั่น
"maeaan(พร้อแล้ว)" บุคคลในฮู้ดพูดใส่วอ ในห้องควบคุมระบบไฟและกล้องวงจรปิด ด้านหน้าของเขามีศพของยามนอนตายจมกองเลือดอยู่สามคน และมีหญิงสาวที่ดูเหมือนจะเป็นพนักงานอะไรบางอย่าง ถูกมัดปิดปากนอนอยู่ตรงนั้นในสภาพตื่นกลัว น้ำตาไหลนองหน้าไปหมด บุคคลในฮู้ดเดินไปที่หญิงสาวผู้โชคร้ายคนนั้น ก่อนจะบรรจงเอากริซประดับมณีที่เหมือนกับของอีกคนหนึ่งออกมาปาดไปที่คอหอยของหญิงสาวนางนั้นอย่างช้าๆ เธอดิ้นด้วยความทรมาณจนเลือดสาดกระเซ็นไปทั่ว พอเสร็จกิจ บุคคลในฮู้ดนั้นก็เดินไปที่จอวงจรปิด ก่อนจะลงมือสับสวิต์กล้องทิ้งไปก่อน ตามด้วยระบบไฟทันที ทันใดนั้นไฟในงานทั้งหมดก็ดับลง ตามด้วยการทำงานของไฟสำรอง และการหยุดทำงานของระบบป้องกันภัย ผู้คนในงานตื่นตกใจกันมาก ก่อนที่ยามรักษาความปลอดภัยและพนักงานจะต้องออกมาบอกกล่าวเพื่อให้สถานการณ์สงบลง
"Que el Dios con nosotros puede (ขอให้พระเจ้าคุ้มครอง)" ชายในรถพูดอวยพรให้กับชายนอกรถนั่น ก่อนที่ชายนอกรถจะคว้าปืนกลหนักออกมา แล้วกระหน่ำยิงใส่บุคคลที่อยู่หน้างานทันที ผู้คนถูกยิงล้มตายกันไปมากมาย แตกตื่นวิ่งหนีตายกันไปหมด ชายหนุ่มยังคงกระหน่ำยิงไม่ยั้ง กระสุนพุ่งทะลุกระจกเข้าในงาน พวกผู้คนที่ยืนอยู่บริเวณนั้นถูกกระสุนปืนกับเศษกระจกแทงตายคาที่ ผู้คนในงานเริ่มแตกตื่นกันมากขึ้น จนในที่สุดก็ระเบิดออก ผู้คนในงานวิ่งหนีตายกันอย่างรวดเร็ววุ่นวาย แต่เนื่องจากทางเข้าหลักนั้นมีกระสุนปืนกระหน่ำอยู่ ทำให้ไม่สามารถออกไปได้นั่นเอง ผู้คนจึงพยายามหนีหาที่ปลอดภัยในนั้นกันไปทั่ว ผลของการวิ่งอย่างว้าวุ่นนี้ ทำให้สองสาวต้องคลาดจากกันนั่นเอง
"Yo soy un Dios ahora(ชั้นนี่แหละพระเจ้า) ชายหนุ่มพูดหลังจากกราดกระสุนจนหมดแม๊ก เขาโยนปืนนั่นทิ้งไปแถวนั้น ก่อนจะเดินไปหยิบกระบอกใหม่มาจากท้ายรถ ไม่ทันจะหยิบออกมา พวกเขาก็ถูกล้อมไว้ด้วยรถตำรวจแล้ว รถตำรวจพร้อมหน่วยSWATติดอาวุธครบมือเข้ามาล้อมเขาและรถเอาไว้ เขาเอามือขึ้นเหนือหัว ยิ้มราวกับไม่ยี่หระอะไร ส่วนชายอีกคนในรถก็นั่งใช้งานโน้ตบุ้คของเค้าต่อไปราวกับไม่สนใจอะไร ในหน้าจอของเขากำลังขึ้นหน้าจอดาวน์โหลดอะไรบางอย่างอยู่
"นี่ตำรวจ เราล้อมไว้หมดแล้ว อย่าขยับเป็นอันขาด" ตำรวจนายหนึ่งใช้โทรโข่งพูดสั่งไปด้วยภาษาอังกฤษ ชายหนุ่มหลังรถได้ยินก็หัวเราะออกมา ก่อนจะเอามือลงจากหัวแล้วคุ้ยปืนหลังรถไป
"ถ้าผมบอกว่าไม่ล่ะคุณตำรวจ" ชายคนนั้นตอบกลับไป ก่อนจะหยิบCar-15ออกมาแล้วเล็งไปที่ตำรวจท่านนั้นทันที หน่วยswatายหนึ่งเห้นดังนั้นก็ตกใจ รีบยิงปืนของเขาใส่หัวของชายคนนั้นไปอย่างรวดเร็ว เปรี้ยง!! กระสุนกระแทกเข้าเต็มกลางหน้าผากของชายคนนั้นจนล้มลงไปกองกับพื้น ชายหนุ่มในรถหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะหยิบแว่นมาใส่ไป ตำรวจนายหนึ่งค่อยๆเดินเข้าไปที่ร่างของชายที่นอนแอ้งแม้งอยู่นั่น เอาปืนเขี่ยร่างกายเขา
"ลุกได้แล้วหน่า ซีเดีย" ชายหนุ่มแว่นในรถพูดขึ้นมา ก่อนจะกดenterไปที่โน้ตบุ้คของเขา บนจอของเขากลายเป็นสีฟ้า ตามมาด้วยตัวอักษรสีขาว เขียนไว้ว่าAll green ตำรวจที่เดินมาเขี่ยร่างของซีเดียนั่น ก็หันปืนไปในรถทันที ก่อนจะต้องตกใจอย่างสุดขีด เพราะร่างของชายหนุ่มที่น่าจะโดนกระสุนตายคาที่ไปแล้ว ลุกขึ้นมานั่นเอง ก่อนจะเอามือนั่นบีบคอขางนายตำรวจดวงซวยคนนั้นจนกระดูกแตกคามือ "โทษทีว่ะดิโฟล ติดเล่นไปหน่อย" ซีเดียพูด ก่อนจะโยนศพของนายตำรวจนั่นทิ้งไปกองข้างๆ เอามือหยิบลูกปืนออกจากหัวแล้วเช็ดเลือดที่ไหลออกมาจากหัวนั่นทิ้งไป เลียเลือดที่ติดมือนั่น พวกตำรวจเห้นอย่างนั้นก็กระหนำ่ยิงใส่ไม่ยั้งทันที ซีเดียยิ้มออกมาอย่างคนบ้า กระสุนปืนพุ่งทะลุร่างเขาไปมากมาย แต่ดูเหมือนเขาจะไม่เป็นอะไรเท่าไหร่ เขาถอดเสื้อของเขาทิ้งไป "เอาล่ะคุณตำรวจ" สิ้นเสียง ก็มีวัตถุขนาดใหญ่บางอย่างร่วงลงมาด้านหลังของเขา "มาสนุกกับขอบฟ้าแห่งเหตุการณ์กันดีกว่า!!!"
ตัดกลับมาภายในงาน ที่เวลานี้ตกอยู่ภายใต้ความมืดมิด ผู้คนกำลังวิตกกังวลกันมากขึ้นจากเสียงปืนที่ยิงปะทะกันด้านนอก รวมไปถึงพลังงานไฟสำรองที่ค่อยๆใกล้จะดับลง ท่ามกลางความเงียบนี้ยิ่งทำให้สติผู้คนยิ่งเตลิดกันเข้าไปใหญ่ จนสุดท้ายก็เริ่มมีคนทนไม่ไหว ลุกขึ้นเดินไปทั่วเพื่อหาทางออกที่ปลอดภัยกว่าที่นี่ บ้างก็นั่งคุกเข่าสวดภาวนาด้วยความกลัว ส่วนทางด้านสองสาวนั่นได้เดินแยกกันไปแล้วเพราะความมืดนั่นเอง
"บ้าจริง คลาดกัซะได้" เด็กสาวผมเงินพูดขึ้น ในตอนนี้เธอเดินตุปัดตุเป๋ คลำทางไปกับความมืดนั่นอย่างไม่มีจุดหมาย จนกระทั่งมือของเธอมาสัมพัสโดนลูกบิดประตูห้องอะไรสักห้องหนึ่ง เธอหยิบมือถือของเธอมาส่องไฟเพื่ออ่าน มันเขียนว่าห้องเก็บพัสดุ เธอจึงเดินเข้าไปในนั้นอย่างไม่เกรงกลัวอะไรเท่าไหร่ "อยู่ในนี้น่าจะปลอดภัยกว่าล่ะนะ" เธอพูดกับตัวเอง เธอใช้ไฟจากมือถือของเธอส่องตามพื้นเพื่อสำรวจห้อง ก่อนที่เธอจะไปพบอะไรบางอย่าง มันคือกล่องเหล็กนั่นเอง "นี่กล่องอะไรกันนะ" เธอพูดขึ้นก่อนจะเปิดกล่องนั่นออกมา เพื่อพบอะไรบางอย่างที่น่าประหลาดใจ!!!
"น...นี่มันอะไรเนี่ย...."เธออุทานกับตัวเอง
"นี่ยัยหัวเงิน อยู่ตรงไหนของเธอเนี่ย" เด็กสาวผมทองพยายามเรียกเพื่อตามหา ตอนนี้เธอยืนอยู่ข้างเคลวินบริเวณเสาหนาๆต้นหนึ่ง "หาไม่เจอเลยล่ะค่ะ"
"คลาดกันไปตอนที่วุ่นวายเมื่อกี้สินะ"เคลวินตอบกลับไป "เอายังไงดีล่ะ รอให้เหตุการณ์สงบกว่านี้ค่อยตามหาจะดีรึเปลา" เคลวินถามกลับไป เด็กสาวครุ่นคิด ก่อนจะกอดแขนของเคลวิน
"ศาสตราจารยืขา หนูกลัวจังเลย" เด็กสาวผมทองพูดขึ้นมา
อ่อก!!!
เสียงร้องดังขึ้นมาจากในความมืดแถวๆทั้งคู่นั่น เด็กสาวผมทองได้ยินก็ปล่อยมือออกจากแขนของเคลวิน เคลวินเองก็เริ่มมองหาต้นเสียงทันที
อั่ก!!! เอื้อ!!! อ้าก!!!
เสียงร้องเริ่มดังถี่ขึ้นเรื่อยๆ ทั้งยังเสียงแตกต่างกันไปทุกครั้ง ทั้งสองคนเริ่มสงสัยมากขึ้นไปอีกจนผละออกจากจุดที่ยืนอยู่ในตอนแรก เด็กสาวเดินถอยหลังไปก่อนจะสะดุดอะไรบางอย่างจนล้มก้นจ้ำเบ้าไป มือของเธอไปแตะโดนน้ำอะไรบางอย่าง เธอจึงเอามือของเธอมาดู เพื่อพบว่ามือของเธอนั้นเปื้อนเลือดอยู่ เคลวินเหลือบไปเห้นก็ร้องออกมาด้วยความตกใจจนหน้าเสีย เด็กสาวเองก็มองือของเธออย่างประหลาดใจด้วยตาไม่กระพริบ
"นี่มันอะไรเนี่ย!!" เคลวินอุทานออกมาด้วยความตกใจ "นี่มันเกิดอะไรขึ้น" เขาพูดขึ้นมา เดินถอยหลังไปด้วยความตกใจ พอมองไปรอบๆในความมืดนั่น เขาก็พบว่ารอบๆนั้นมีแต่ศพเต็มไปหมด เคลวินเดินถอหลังตุปัดตุเป๋ด้วยความกลัวบวกด้วยความตื่นตระหนก ก่อนจะเดินไปชนกับใครบางคน เคลวินหันไปก็พบกกับบุคคลสวมฮู้ดนั่นเอง บุคคลสวมฮู้ดยกกริชที่อาบไปด้วยเลือดขึ้นมาจ่อที่คอของเคลวินอย่างรวดเร็ว เด็กสาวเห้นก็รีบลุกขึ้นมา แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไร ก็ถูกใครบางคนเอามือล็อคแขนและปิดปากไว้อย่างรวดเร็ว
"เอายังไงกับยัยนี่ดีล่ะ ฮิช" ฮู้ดที่ล็อคเด็กสาวผมทองไว้พูดขึ้นมา ก่อนจะสะบัดหัวแรงๆหนึ่งทีเพื่อเอาฮู้ดลง ฮิชด้ยินก็เอามือดึงฮู้ดออกจากหัว
"เอาตัวไปไว้ที่ทรัคของเราก่อน แล้วค่อยว่ากันอีกที ส่วนศาสตราจารย์ ถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่ ไม่อยากเป็นแบบพวกที่นอนอยู่กับพื้นล่ะก็ ช่วยทำตามคำสั่งเราด้วยล่ะ" ฮิชพูดขึ้นมา ก่อนจะเอากุญแจมือมาใส่มือของเคลวินไป "ไปกันเถอะซิล สองคนนั้นน่าจะถ่วงเวลาใหเราอยู่" ฮิชพูดขึ้นมา ก่อนจะเดินไปหาเด็กสาวผมทองนั่น "ไหนๆก็ต้องรอพวกนั้นอยู่แล้ว"ฮิชพูดขึ้น ก่อนจะใช้กริชในมือลูบไล้ไปตามร่างกายของเด็กสาวผมทอง ก่อนจะกระตุกมันอย่างแรงจนเสือของเธอขาด เผยให้เห็นชั้นในสีชมพูกับเรือนร่างสีขาว "เราไปสนุกกันดีกว่าไม๊ ยัยหนู" พูดจบเขาก็ลากเคลวินเดินไปทางด้านหลังของงานนิทรรศนั่นเอง ส่วนซิลก็เดินตามมาด้วยเช่นกัน
ญี่ปุ่น เวลาเดียวกัน วัดเอนโจวคุจากุ โอซาก้า
ในวัดญี่ปุ่นแห่งนี้ที่ถูกแสงจันทร์เต็มดวงสาดส่องลงมา บริเวณระเบียงวัดนั้นมีเด็กสาวผมดำในชุดคนทรงนั่งอยู่ ด้านหน้าของเธอมีกระดาน8ทิศวางไว้อยู่ เธอนั่งหลับตาอย่างมีสมาธิดูแล้วสูงศักดิ์มาก สายลมเอื่อยๆพัดโชยให้ผมของเธอปลิวสไว เธอนั่งหลับตาอยู่อย่างนั้นมาค่อนข้างนานแลว จนกระทั่งกระดาน8ทิศนั้นเริ่มสั่น ก่อนที่เข็มบนกระดานจะหมุนอย่างรวดเร็ว และชี้ไปทางทิศตะวันตก และแตกออกเป็นสองส่วน เด็กสาวลืมตาขึ้นาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมองไปยังกระดานนั่น แล้วใช้สองมือบรรจงแยกเศษที่หักสองส่วนนั่นเออกจากกัน เพื่อพบกับเข็มที่ลอยอยู่และยังคงชี้ไปทางตะวันตก
"ในที่สุดก็จะเริ่มแล้วสินะ Event Horizon" เธอพูดขึ้นมา ก่อนจะมองไปยังพระจันทร์ "ราชาแห่งราชันย์เอ๋ย นี่คือความต้องการของเจ้าเมื่อ4000ปีก่อนสินะ....ตอบข้าสิ ราชาแห่งราชันย์" เธอพูดจบ พร้อมๆกับกลุ่มเมฆที่เข้ามาบดบังจันทร์ฉายนั่นไป....
|
|
|
Post by saraphina on Sept 28, 2016 21:42:06 GMT 7
สนุกๆมากเลยนะครับ ติดตามอยู่นะ ยังไงก็พยายามเข้านะครับ อย่าไปสนใจบอร์ดนี้เกรียนเยอะ โทรลมีเป็นโหล ไม่สนใจเดียวมันอดตายเองครับ
ปล.ไม่ต้องกลัวใครบอมกระทู้นายหรอก ขืนมันทำ Admin ลากไปตรุ๋ยแน่นอน สบายใจได้
|
|
|
Post by tonklmynameisjeff on Sept 28, 2016 21:54:33 GMT 7
สนุกมากครับ การผูกปมเรื่องต่างๆ คาแร็คเตอร เดเวล็อพเม็นต์ การสร้าง Mystery Box ทำได้ระดับเดียวกับ ผกก ระดับโลก อย่าง JJ Abrams เคยกล่าวเอาไว้ตอนเขาทำสตาร์วอร์ส์ภาค 7 ยังไม่รวมการบรรยายที่ทำให้เห็นภาพ Cinematography อันสวยงามของฉาก บรรยากาศ การวางตำแหน่งตัวละครและ Object ต่างๆ ตัวละครทุกตัวมีเสน่ห์ ดึงดูดให้เราเอาใจช่วยและทำให้เราอยากติดตามไปจนถึง Destination ของแต่ละตัว เยี่ยมครับ รอตอนต่อไปอยู่นะ ปล.เม้นที่เม้นก่อนหน้านี้โดน LEAVER ขู่จะสแปมรูปเกย์ครับ ไม่ได้ตั้งใจ
|
|
|
Post by kingenima on Oct 1, 2016 21:35:20 GMT 7
ตอน Revive
เมืองเมริดา ด้านในรถบรรทุก6ล้อขนาดเล็ก เวลา17.00ณ ตามเวลาท้องถิ่น
"ไม่น้าาาาา!!!" เสียงเด็กสาวร้องขึ้นด้วยความหวาดกลัว
ด้านในของคอนเทนเนอร์รถหกล้อที่คับแคบนั้นเต็มไปด้วยกล่องไม้ที่บรรจุอะไรสักอย่างอยู่วางเกลื่อนเต็มไปหมด ซึ่งกล่องนั้นถูกวางไว้ชิดกับผนังของคอนเทนเนอร์นั่น โดยเว้นที่ตรงกลางเอาไว้
กล่องไม้เหล่านั้นถูกวางซ้อนเรียงกันเป็นตับจนบดบังช่องทางเข้าแสงทั้งหมดเอาไว้ทำให้ในนั้นมืดทึบจนมองอะไรแทบไม่เห็น ท่่ามกลางกล่องไม้เก่าๆเหล่านั้นในห้องที่มืดมิด
ก็ได้มีกลุ่มคนกำลังกระทำอะไรบางอย่างอยู่อย่างสนุกสนานกับร่างของสาวน้อยร่างบางนางนั้น
"อย่าดิ้นสิ แปปเดียวก็...เสร็จแล้ว" ฮิซด์พูดขึ้นมา ก่อนจะผลักร่างของเด็กสาวไปด้านหน้าจนกระแทกกับผนังของคอนเทนเนอร์ ส่งเสียงดังขึ้นมาเล็กน้อย ทันใดนั้นเขาก็บรรจงถอดชุดคลุมออกจากตัว
และโยนมันไปข้างๆ เด็กสาวดันตัวขึ้นมา พยายามเอมืปิดชั้นในตัวบางของเธอไว้ มองไปทางฮิชด้วยความตื่นกลัวตัวสั่นระริก ชายหนุ่มมองไปที่เธอก่อนจะยิ้มแสยะออกมาอย่างชั่วร้าย
"เธอคงจะกลัวลายสักนี่สินะ" ชายหนุ่มพูด ก่อนจะชูแขนขึ้นมาตรงหน้า เอามือลูบไปที่รอยสักของเขา ที่มันดูเหมือนลายเปลวเพลิงสีดำสะบัดไปมาจนถึงข้อมือ
"จะบอกอะไรดีๆไว้อย่างนึงละกันนะ รอยสักอันนี้น่ะคือสัญลักษณ์ของพวกเรา กลุ่ม ฮาซัน ยังไงล่ะ" ฮิชพูดขึ้นมาอย่างภูมิใจ ค่อยๆเดินเข้ามาหาเด็กสาวที่พยายามหลบหนีอย่างสั่นกลัว
ฮิชถอดเสื้อยืดของเขาโยนไปข้างๆ เผยให้เห็นกล้ามเนื้อเป็นมัดและรอยแผลเป็นตามตัว ชายหนุ่มเดินย่างสามขุมเข้ามาพร้อมรอยยิ้มแสยะน่ากลัว เด็กสาวตัวสั่นจนร้องไห้ออกมาด้วยความหวาดกลัว
"เป็นไงล่ะศาสตราจารย์ ลูกศิษย์ของคุณกำลังจะเล่นหนังสดให้ดู ไม่ดีใจรึยังไง" ซิลพูดขึ้นมา ก่อนจะโยนร่างของเคลวินขึ้นไปบนคอนเทนเนอร์ในสภาพที่ถูกมัดมือมัดเท้าไว้แน่น
เคลวินพยายามดันตัวขึ้นมานั่งจนได้ ในเวลาเดียวกับที่ซิลถอดชุดคลุมของตัวเองออกแล้วโยนทิ้งไป
"ขอร้องล่ะ!!! จะทำอะไรกับชั้นก็ได้!! อยากรู้อะไรชั้นจะบอกให้หมดเลย!! แต่ปล่อยเด็กคนนั้นไปเถอะ!!!" เคลวินพยายามร้องอ้อนวอนด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เมื่อเห็นภาพตรงหน้าที่ลูกศิษย์ที่รักของตนเองกำลังจะถูกย่ำยีจากชายที่ไม่รู้จัก "ขอร้องล่ะ!!" ซิลแสยะยิ้มออกมา
"แกจะบ้ารึยังไงน่ะ เคลวิน" ซิลพูดขึ้น ก่อนจะเดินขึ้นคอนเทนเนอร์มา กระชากผมของเคลวินขึ้นมาแล้วเอาหน้าเข้าไปใกล้
"พวกเราน่ะ คือฮาซัน!!! พวกเราคือกลุ่มนักฆ่า ไม่มีคำว่าปราณี ไม่มีคำว่ายกเว้น!!!" ซิลพูดขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มแยกเขี้ยวอย่างโหดร้าย "ผู้อ่อนแอย่อมต้องถูกสังหาร ผู้แข็งแกร่งก็จะรอดยังไงล่ะ!!!"
พูดจบซิลก็เอาหัวของเคลวินกระแทกกับมุมของกล่องไม้กล่องหนึ่งอย่างแรงจนเลือดไหลออกมาจากหัวเคลวิน ก่อนที่ซิลจะจับเคลวินขึ้นมานั่งพิงกับกล่องไม้เพื่อจัดที่นั่งชมหนังสดแบบVIPให้นั่นเอง
"เอาล่ะ เชิญแกเจอนรกแบบเบาๆได้เลย" ซิลพูด ก่อนจะหัวเราะออกมาดังลั่น เดินไปหาเด็กสาวพร้อมกับถอดเสื้อโยนทิ้งไป เผยให้เห็นรอยสักเปลวไฟตรงกล้ามท้องของเขา ในเวลานั้นเองฮิชก็เริ่มปลดเข็มขัดของเขาออก
"เรามีเวลาแค่ไหนเหรอซิล" ฮิชถามขึ้นมา ก่อนจะดึงสายเข็มขัดออกจากกางเกง ซิลหยิบนาฬิกาดิจิตอลออกมาจากกระเป๋ากางเกงของเขา
"ราวๆ30นาทีล่ะมั้ง" ซิลตอบกลับไป ฮิชได้ยินก็พุ่งเข้าไปเอาสายเข็มขัดรัดมือของเด็กสาวไว้อย่างรวดเร็ว เด็กสาวพยายามดิ้น ก่อนที่ฮิชจะจัดการตบหน้าเด็กสาวไปอย่างแรงจนกระเด็นไปกระแทกกับผนังของคอนเทนเนอร์ เลือดกลบปาก เด็กสาวดันตัวขึ้นมาด้วยความสั่นกลัว ก่อนที่ฮิชจะลงมือเอาเข็มขัดของเขารัดมือเด็กสาวเอาไว้เหนือหัว
"เวลาถมถืดไป" ฮิชพูด ก่อนจะบรรจงเลียไปที่ซอกคอเด็กสาวอย่างรุนแรง ซิลมองดูก็หัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะเริ่มปลดเข็มขัดของตัวเองด้วยเช่นกัน ซิลมองดูฮิชกำลังกระชากชุดวันพีชที่ขาดของเด็กสาวออกก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง มันคือแผลเป็นบางๆที่เต็มตัวไปหมด ซิลมองดูก็รู้สึกแปลกๆขึ้นมา ก่อนจะมองไปที่ใบหน้าของเด็กสาวที่ราวกับพยายามจะพูดว่าอย่า หยุดเถอะ หรืออะไรสักอย่างที่เห้นการปฏิเสธ แต่กระนั้นดวงตากลับไม่ได้เป็นแบบนั้น....
เวลาเดียวกัน ด้านหน้าของงานนิทรรศ การปะทะกันระหว่างตำรวจและกลุ่มผู้ก่อการร้าย ในขณะนี้พื้นที่หน้างานที่เคยเต็มไปด้วยผู้คนเดินสัญจรไปกลับกลายเป้ซากปรักหักพังที่เต็มไปด้วยเปลวเพลงจากแรงระเบิด กับกลิ่นของซากศพคละคลุ้งไปทั่ว เหล่าตำรวจที่ยังรอดชีวิตอยู่พยายามหนีตายเข้าไปในงานบ้าง บ้างก็หลบหลังรถ บางคนพยายามโจมตีต่อสู้กลับไป แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล กระสุนปืนจำนวนมากถูกยิงกราดสวนกลับไป โดนบ้าง บางคนก็หลบทัน กระสุนเหล่านั้นพุ่งทะลวงเข้าไปด้านในงาน ปะทะกับร่างของผู้คนที่พยายามหลบตายกันเกลื่อน กองทัพกันเต็มไปหมด เป็นภาพที่ดูแล้วโหดร้ายจนเกินจะทานทน
"นี่หน่วยSWATประจำภาคที่1เมืองเมริดาประเทศเม็กซิโก USAได้ยินแล้วตอบด้วย ขอกำลังเสริมด่วน!!!" หน่วยSwatนายหนึ่งตะโกนอัดเข้าไปในวิทยุสื่อสารของเขา ก่อนที่จะก้มตัวหลบกระสุนระเบิดที่ยิงมาตกแถวๆนั้น
"ศัตรูมีAT.!!! ย้ำอีกครั้ง!! ศัตรูมีAT.ติดอาวุธขนาดกลาง!! ขอกำลั....อ้าก!!!!" พูดยังไม่ทันจบ ร่างของเขาก็ถูกวัตถุอะไรบางอย่างทะลวงหัวใจไปตาคาที่
"นี่ซีเดีย เล่นมากไปแล้วนะ เปลืองพลังงานนะเฟ้ย" ดิโฟลกล่าวตักเตือน ก่อนจะยกขาขึ้นมาวางบนคอนโซลรถ เอามือพลางขยับแว่นตา
"โทษทีว่ะ ดิโฟล มันหยุดเล่นไม่ได้น่ะ" ซีเดียตอบกลับมา ด้วยใบหน้าที่สแยะยิ้มเยาะ
เวลาเดียวกัน ในงานนิทรรศ ห้องเก็บพัสดุ
ในขณะนี้เสียงปืนยังคงไม่หายไป การต่อสู้ภายนอกอาคารยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เสียงระเบิดคละคลุ้งกับเสียงปืนไปทั่ว แผ่นดินไหวเบาๆด้วยแรงระเบิด ทำเอาเด็กสาวผมเงินในห้องนั่นเซจนล้มลงก้นจ้ำเบ้ากับพื้นห้องที่
เต็มไปด้วยกล่องอะไรบางอย่างวางไปทั่วกับโต๊ะออฟฟิศสีาวตัวเดียว เด็กสาวที่เซจนล้มไปนั้นหัวไปโขกเข้ากับอะไรบางอย่าจนโทรศัพธ์ของเธอหลุดมือกลิ้งไถลไปกับพื้นห้องในสภาพคว่ำ
ก่อนจะไปชนกับผืนผ้าสักผืนที่ดุราวกับปกปิดอะไรไว้อยู่
"อูย เจ็บๆ" เธออุทานกับตัวเอง ค่อยๆดันตัวเองขึ้นยืน เอามือปัดบั้นท้ายของเธอ
"ข้างนอกอันตรายขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย พวกตำรวจทำอะไรกันอยู่น่ะ" เธอพูดขึ้นมาโดยไม่ได้รู้เลยว่าตอนนี้ตำรวจที่เธอพูดถึงนั้นต้องรับมือกับอะไรที่น่ากลัวอยู่
ทันทีที่เธอลุกขึ้นยืนได้แล้ว เธอก็เดินกลับไปที่โต๊ะออฟฟิศสีขาวที่ติดกับหน้าต่างบานเกล็ด ที่ๆเธอพบกับอะไรบางอย่างที่ทำเอาเธอประหลาดใจ เธอเดินไปดูก็พบว่า ในกล่องนั้นมันมีอะไรบางอย่างอยู่
แต่ด้วยห้องที่มืดทึบกับไฟสำรองบางๆ ทำให้เธอไม่สามารถมองเห็นมันได้ชัดนัก เธอจึงหันซ้ายหันขวาตามหามือถือของเธอนั่นเอง ก่อนที่แสงของสมาร์ทที่สะท้อนจากการส่องพื้นนั้นจะทำให้เธอพบมัน
เธอรีบเดินไปหยิบมันมาทันที ก่อนจะเอามันมาปัดๆหน้าจอเพื่อดูว่ามีตรงไหนบุบสลายไหม เธอพลิกมันไปสองสามครั้ง ก่อนที่แสงจากหน้าจอจะส่องให้เห็นผืนผ้าที่กำลังสะบัดพริ้วไหวด้วยแรงสะเทือนอยู่นั่น
ด้วยความอยากรู็อยากเห็น เธอจึงลงมือกระชากผ้านั่นลงมาทันที ก่อนจะพบว่า...มันคือกองกล่องไม้ที่ตั้งสูงไม่มีอะไรเป็นพิเศษ เด็กสาวตีสีหน้าหงุดหงิดปนผิดหวังขึ้นมา
ก่อนจะเดินกลับไปที่โต๊ะ ใช้ไฟส่องไปที่กล่องนั่น ด้านในคือวัตถุอะไรสักอย่างทำมาจากทองเหลืองวางอยู่ในกล่องที่ปูพื้นกล่องด้วยพรมสีแดงอย่างเป็นระเบียบและดูปลอดภัย
รูปร่างคล้ายทรงสี่เหลี่ยม แต่ก็ไม่เชิงจะเป็นสี่เหลี่ยมนัก เพราะรอบๆที่ดูเหมือนมีอะไรสักอย่างเกาะอยู่ มันเหมือนรากไม้พันมั่วซั่วที่ทำด้วยเหล็กสีดำนั่นเอง
เด็กสาวค่อยๆหยิบมันขึ้นมาดู ก่อนจะพบว่าด้านใต้มีกระดาษอะไรบางอย่างวางซ้อนไว้อยู่ เธอหยิบกระดาษนั่นขึ้นมาอ่านดู ในกระดาษเขียนด้วยภาษาอังกฤษเต็มไปด้วยตารางและตัวเลขมากมาย เธอค่อยๆอ่านมันอย่างช้าๆ
"วัตถุปริศนาชิ้นนี้ถูกค้นพบที่ญี่ปุ่นอย่างนั้นเหรอ เธอพูดกับตัวเอง "วัดอายุคาบอนแล้วได้ราวๆ4500ปี ก็ยุคเดียวกับบาบิโลเนียเลยน่ะสิ" เธอพูดขึ้นมา ก่อนจะเอามันใส่เข้าไปในกระเป๋าสะพายของเธอ
เธอเดินไปรอบๆห้องพร้อมกับอ่านเอกสารนั่นไปด้วยราวกับเพื่อสรา้งสมาธิ ก่อนที่เธอจะไปสะดุดกับอะไรบางอย่าง เธอก้มลงไปดูก็พบว่ามันคือกล่องพลาสติคใหม่เอี่ยม ด้านบนติดซีลไว้เขียนว่า ลับเฉพาะเจ้าพนักงาน
เธอกระชากแผ่นซีลแล้วเปิดมันออกมา พบว่าด้านในเต็มไปด้วยเอกสารมากมาย เธอหยิบมันขึ้นมาอ่านอย่างไม่ลังเล มันคือเอกสารเกี่ยวกับการก่อสร้างอาคารนิทรรศนีนั่นเอง เธอค่อยๆอ่านมันก่อนจะเจออะไรที่น่าประหลาดใจ
"อาคารนี้ถูกสั่งสร้างภายในปีเดียวอย่างนั้นเหรอ บ้าชัดๆ!!" เธออุทานกับตัวเอง "...โดยอาคารนี้ถูกสั่งให้ก่อสร้างโดยนายทุนผู้มีอำนาจสูงสุดในอเมริกากับตัวแทนของUNCH เพื่อใช้สำหรับแสดงสมบัติต่างๆทั่วโลกที่มีการขุดค้นพบ ทั้งอามาคุสะ ทั้งโซโลม่อน หรือบาบิลอน" เธอสะดุดกึกกับคำว่าบาบิลอน เธอรีบดูวันที่ลงเอกสาร มันคือวันที่22เดือน7ของเมื่อ5ปีก่อน!!! เธอตกใจมาก ตีสีหน้าเครียดออกมา เพราะว่าสมบัติของบาบิลอนเพิ่งจะมีการขุดค้นพบเมื่อไม่นานมานี้ แต่ทำไมถึงได้มีบันทึกอยู่ในเอกสารของเมื่อ10ปีก่อนได้กัน เธอรีบเปิดกลับมาอ่านต่อทันที
"นี่มันอะไรกันเนี่ย.... มีการค้นพบสมบัติทั่วโลกมากขนาดนี้เลยงั้นเหรอ" เธอพูดขึ้นมา ก่อนจะรีบเปิดหน้าเอกสารรัวๆ เพื่อดูข้อมูลของการค้นพบสมบัติต่างๆทั่วโลกมากมายจนนับไม่ถ้วน เต็มพื้นที่กระดาษกว่า40หน้า "นี่มันอะไรน่ะ!!! น่าสนใจเกินไปแล้ว!!"เธอพูดขึ้นมาด้วยใบหน้าปั้นยิ้ม "ถ้ายัยนั่นรู้เข้าล่ะก็ต้องดีใจจนตาโตแหงมๆ"
"รู้อะไรเหรอสาวน้อย...." เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากความมืด ก่อนที่เธอจะหันไปหาต้นเสียงก็พบกับชายหนุ่มที่ทั้งใบหน้าเต็มไปด้วยรอยสักกำลังยิ้มอยู่ ก่อนที่เขาจะรีบเอามือมาคว้าเด็กสาวไว้ทันที
"ป..ปล่อยชั้นนะ!!!"เด็กสาวพูด พยายามเอากระเป๋าหิ้วของเธอฟาดไปที่ชายคนนั้น ชายหนุ่มเอามือมาบังเอาไว้
"เห้ยๆ นั่นชาแนลนะ ของแพงไม่ใช่รึยังไง" ชายหนุ่มพูดขึ้นมา ก่อนจะเอามือจับไปที่สายประเป๋า แล้วสายกระเป๋าก็ค่อยๆละลายลงจนขาดคามือของเขา เด็กสาวตกใจมาก
"อุ๊บส์ ขาดซะแล้วสิเนี่ย ทั้งสายกระเป่า ทั้งชะตาของเธอเลย!!!" ชายหนุ่มพูดขึ้นมา ก่อนจะตั้งฝ่ามือขึ้น เล็บของเขายื่นออกมาก่อนจะกลายเป้นใมีด ชายหนุ่มใช้มือนั่นแทงไปที่ร่างของสาวน้อยผมเงิน
เด็กสาวใช้มือข้างที่ว่างอยู๋ทุบไปที่แขนของชายหนุ่มอย่างแรงจนวิถีการแทงของฝ่ามือนั่นถูกกดลง ฝ่ามือของชายหนุ่มแทงเข้าไปที่ท้องด้านซ้ายของเด็กสาวอย่างจัง เด็กสาวที่ถูกแทงก็กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
ชายนุ่มกระชากมือออกจากท้องเด็กสาว เลือดพุ่งออกมา ชายหนุ่มเลียเลือดที่ติดมือของเขาไป ก่อนจะเอามือข้างที่ยังสะอาดอยู่ กดเปิดบลูทูทที่ติดอยู่ที่หูด้านซ้ายของเขาทันที
"เฮ้ ซิล นี่ชั้นเอง ซเจ ชั้นเจออีกคนแล้วล่ะ" ชายหนุ่มพูดขึ้นมา แต่เสียงที่ได้รับกลับมากลับเป็นเสียงร้องของเด็กสาวที่กำลังถูกชายฉกรรณ์สองคนรุมโทรมอย่างน่าอนาถ พร้อมกับเสียงร้องไห้ของเคลวินที่ไม่อาจทำอะไรได้เลย ซเจหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะกดปิดบลูทูทไป "พวกนั้นคงจะสนุกกันอยู่เลยสิท่า" เขาพูดขึ้นมา ก่อนจะเดินไปหาร่างของเด็กสาวที่กำลังคลานตะเกียกตะกายเอาชีวิตรอดจาดยมทูตที่กำลังย่างสามขุมเข้ามา เธอใช้มือหยิบกระเป๋าของเธอมาแนบลำตัวไว้ ก่อจะพยายามคลานหนีไป ซเจเห็นดังนั้นก็หัวเราะออกมาเบาๆ
"เห้ย ไม่ต้องหนีชั้นหรอกหน่า ชั้นไม่ฆ่าเธอหรอก" ซเจพูดขึ้นมา เดินตามเด็กสาวไปช้า เหยียบย่ำรอยเลือดที่ออกมาจากปากแผลของเธอไปดังจ๋อมแจ๋ม รอยเลือดติดที่รองเท้าของเขากลายเป็นรอยเท้าตามไป
"สำหรับในตอนนี้ล่ะนะ หึๆ" เขาพูดขึ้นมา เด็กสาวยันตัวขึ้นได้ ก็หนัหน้ามาประจันหน้าพร้อมกับมืดพกในมือของเธอ ชี้ตรงไปยังชายหนุ่มทันที ชายหนุ่มเห็นก็ทำสีหน้าประหลาดใจแบบไม่ซีเรียสขึ้นมา ก่อนจะปรบมือไปสองสามที
"แก...แกเป็นตัวิะไรกันแน่!!" เด็กสาวพูดขึ้นมา พยายามกัดฟันอดทนปากแผลไว้ เอามือข้างที่ถือกระเป่ากดทับปากแผลไว้ไม่ให้เลือดไหลออกมามากกว่านี้นั่นเอง
"ถามอะไรของเธอน่ะ" ซเจพูดขึ้นมาด้วยใบหน้าเยาะเย้ย ก่อนที่เขาจะถอดฮู้ดของเขาออก "ถ้าอยากรู้ก็จะตอบให้ก็ได้" เขาพูด ก่อนที่จะเผยให้เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยสักรูปเปลวเพลิง ก่อนที่รอยสักนั่นจะมีสีแดงราวกับเปลวเพลิงปรากฏขึ้นมา
"พวกเราคือฮาซัน นักฆ่าแห่งเปลวเพลิง ปีศาจแห่งเปอเซียร์ ซากทัพของวิญญาญโซโลม่อนยังไงล่ะ!!" ซเจพูด ก่อนที่ใบหน้าของเขาจะถูกเปลวเพลิงเผาจนผิวหนังถูกไฟหลอมละลายไปจนหมดสิ้น
เผยให้เห็นใบหน้าของปีศาจที่หลบซ่อนอยู่ภายใต้ผิวหนังมนุษย์นั่น มันคือใบหน้าของหุ่นยนต์นั่นเอง โครงกระดูกที่ทำจากเล็กพร้อมกับลูกนัยน์ตาสีแดงฉาญดูแล้วน่ากลัวเหลือเกิน
ริมฝีปากค่อยๆละลายจนเผยให้เห็นร่องปากเหล็กที่สามารถขยับขึ้นลงได้ ก่อนที่มันจะมีแผ่นเหล็กมาปิดบังไว้ราวกับกันดั้มก็ไม่ปาน สายตาจากนัยน์ตาโลหะจ้องมองไปที่เด็กสาวที่กำลังอยู่ในสภาวะตื่นกลัวอย่างสุดขีด
ก่อนจะมีเสียงหัวเราะในลำคอขึ้นมา
"เอาล่ะ ก็แสดงของดีให้เห็นไปแล้ว เพราะฉะนั้นเธอเองก็.... ตายซะเถอะ!!" ซเจพูด ก่อนจะพุ่งเข้าหาเด็กสาวอย่างรวดเร็ว เด็กสาวหลับตาปี๋ ก่อนที่จะเกิดระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง อาคารนั้นถูกมิซไซล์จากเครื่องบินรบยิงใส่อย่างจังจนสั่นอย่างรุนแรง เด็กสาวเซไปเซมาจนล้มลงชนกับกองกล่องไม้ที่ถูกผ้าคลุมไว้ในตอนแรก ซเจเองก็โซเซจนยืนไม่สะดวกเช่นกัน ซเจมองไปยังเด็กสาว พยายามเดินไปหา แต่แล้วมิซไซล์ก็ถูกยิงมาอีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้มันกระทบกบัพื้นที่นั่นใกล้ๆอย่างจัง ซเจโดนแรงระเบิดกระแทกกระเด็นล้มลงกองกับพื้น แรงระเบิดนั้นรุนแรงมากจนทำให้พื้นที่เด็กสาวนั่งอยู่เผยอออกมา เด็กสาวเห้นดังนั้นจึงรีบงัดพื้นนั่นเพื่อเปิดรูมันให้กว้างทันที
"เห้ย!! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!!" ซเจพูด พยายามห้ามเด็กสาวแต่ไม่ทันการ เด็กสาวเข้าไปในรูนั่นอย่างรวดเร็ว ซเจรีบลุกขึ้นตาม แต่แล้วก้ถูกสกัดเอาไว้ด้วยแรงปะทะอย่างรุนแรงอีกครั้งหนึ่ง และแล้วแรงกระเทือนเหล่านั้นก็หยุดลงชั่วคราว
"บ้าเอ้ย!!! ซีเดีย!! เบาๆหน่อยสิวะ คนกำลังตามเหยื่ออยู่นะ"ซเจพูดอัพบลูทูทของเขาใส่ซีเดียทันที ซีเดียหัวเราะหึๆ "ชิ บ้าจริง ดันลืมไปเลยว่าที่นี่มันมีชั้นใต้ดินด้วย" ซเจพูด ก่อนจะเดินไปบริเวณรูนั่น ใช้มือขวากระชากพื้นออกเผยให้เห็นบันใดลิงที่ทอดยาวลงไปด้านล่าง ซเจโดดลงไปในรูนั่นทันที ก่อนจะแลนดิ้งลงพื้นอย่างสวยงาม ด้วยแรงกระแทกนั้นทำให้พื้นเป้นรอยแตกออกมาเล็กน้อย ซเจใช้สายตาของเขากวาดมองไปทั่วบริเวณนั้น เขามองไปข้างๆบันไดนั่นเพื่อพบกับผังชั้นใต้ดินนั่นเอง ซเจใช้สายตาสแกนภาพนั่นแล้วบันทึกมันเอาไว้ในหัวของเขาทันที ซเจมองซ้ายทีขวาทีเพื่อตามหาร่องรอย ก่อนที่เขาจะไปเหยีบเข้ากับของเหลวอะไรบางอย่าง มันคือรอยเลือดที่ทอดยาวไปตามทางนั่นเอง ซเจเห็นดังนั้นก็หัวเราะออกมาเสียงดัง
"หนีชั้นไม่พ้นหรอกกระต่ายน้อย" ซเจพูดขึ้น ก่อนจะเดินตามรอยเลือดนั่นไปทันที
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เด็กสาวผมเงินก็พยายามเอาตัวรอดอย่างเต็มที่ เธอเดินตุปัดตุเป๋ไปมั่วด้วยความไม่รู้ทาง ก่อนที่เธอจะพบกับห้องอะไรบางอย่าง เธอรีบเดินเข้าไปทันที มันคือห้องมืดๆที่มองอะไรไม่เห็นเลย เธอเดินเข้าไป ก่อนจะรีบปิดประตูแล้วเอาตู้เหล็กข้างๆนั่นมากั้นไว้เพื่อเสริมแรง เธอเดินเข้าไปลึกๆในห้องนั่น ดูเหมือนว่าห้องนี่จะกว้างมาก เธอเดินไปได้สักพักก็เริ่มหมดแรงเนื่องจากอาการเจ็บที่บาดแผลและเสียเลือดนั่นเอง เธอจึงสะดุดขาของตัวเอง ล้มลงนอนกับพื้น กระเป่าของเธอกระเด็นหลุดจากมือจนข้าวของกระจายไปหมด วัตถุที่เธอเก็บมาได้เองก้กระเด้นออกจากกระเป๋าเช่นกัน เจ้าวัตถุนั่นไถลไปกับพื้นได้สักระยะหนึ่งก่อนจะหยุดลง ทันใดนั้นเองมันก็ส่องแสงออกมา เด็กสาวเห็นก็พยายาม ดันตัวเองขึ้นยืนทั้งๆที่ยังเจ็บแผลอยู่นั่น ทันทีที่ลุกขึ้นยืนได้เธอก็เอามือกดแผลเอาไว้ กัดฟันกรอด ค่อยๆเดินตุปัดตุเป๋ไปที่วัตถุนั่น เธอค่อยๆก้มตัวลงหยิบมันขึ้นมาก่อนจะกัดฟันออกมาเนื่องจากบาดแผลถูกกดทับ แต่ก็หยิบมันขึ้นมาจนได้
ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกได้ว่าบาดแผลของเธอเริ่มเจ็บน้อยลง เธอประหลาดใจกับอาการนี้มากจึงรีบถอดเสื้อยืดของเธอออกเผยให้เห็นสปอร์ตบราสีดำกับร่างกายที่เต็มไปด้วยเลือด เธอมองไปที่ปากแผลพบว่ามันค่อยๆสมานตัวกัน ก่อนที่มันจะสมานตัวกันอย่างสนิท และความเจ็บปวดก็หายไป เธอประหลาดใจกับอาการนี้อย่างมาก เธอใช้เสื้อยืดของเธอเช็ดปากเลือดที่ปากแผลออกไป ก่อนจะเช็ดส่วนอื่นๆที่เปื้อนไม่ว่าจะหน้าอกหรือหน้าท้อง เธอใช้เสื้อยืดของเธอลูบไล้เช็ดมันจนหมด ก่อนจะโยนเสื้อทิ้งไป เธอลองมองดูปากแผลอีกครั้งก็พบว่า มันสมานกันสนิทแล้วจริงๆ!!
"นี่มัน...อะไรกันน่ะ" เธอพูดขึ้นมา ก่อนที่แสงของวัตถุนั่นจะสว่างขึ้นกว่าเดิม มันสว่างขึ้นมากจนสว่างไปทั่วท้องห้องนั่น ปรากฏว่าที่ๆเธออยู่ตอนนี้คือห้องโถงขนาดใหญ่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ต่างๆมากมาย เธอมองไปที่วัตถุในมือของเธอและพบว่ารากไม้เหล็กสีดำที่หุ้มมันไว้อยู่ค่อยๆหายไป พร้อมๆกับการแตกออกของวัตถุนั้น รอยร้าวปรากฏขึ้นทั่ววัตถุก่อนที่มันจะแตกออกพบว่ามันเป็นแผ่นเหล็กรูปทรงหกเหลี่ยมคล้ายกับแผ่นหยินหยางเหลือเกิน ต่างกันแค่ซีกหนึ่งเป็นสีขาว ส่วนอีกซีกหนึ่งเป็นสีแดง
"นี่มัน...กระจกแปดเหลี่ยม...ของคางุยะ...." เธอพูดขึ้นมา ก่อนจะค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองไปด้านหน้า เพื่อพบกับอะไรบางอย่างที่ทำเอาเธอประหลาดใจอย่างมา เธอมองมันก็มีเหงื่อไหลออกมาด้วยความวิตกกังวล เธอตกใจมากเสียจนเดินถอยหลังไปหลายก้าวและล้มลงก้นจ้ำเบ้า เธอมองมันด้วยตัวที่สั่นเทา
"นี่มัน...อะไรกันเนี่ย..." เธอพูดขึ้นมา มองไปยังวัตถุเบื้องหน้า ด้วยสายตาที่จดจ้องไปยังอะไรบางอย่างรูปทรงคล้ายมนุษย์ที่ถูกจองจำไว้ด้วยโซ่พันธนาการที่ถูกตรึงไว้กับพนังห้องอย่างแน่นหนา รอบๆสิ่งนั้นเต็มไปด้วยเครื่องมือไฟฟ้าต่างๆมากมายนับไม่ถ้วน แผ่นกระจกแปดเหลี่ยมส่องแสงสว่างวูบวาบๆ พร้อมๆกับแสงที่บริเวณน่าอกของเจ้าสิ่งนั้นราวกับว่ามันเป้นจังหวะเดียวกัน!!!
|
|
|
Post by kingenima on Oct 1, 2016 22:31:55 GMT 7
ประกาศ โปรดอ่าน
ขออณุญาติประกาศว่า ในเวลานี้
อณุญาติให้ทุกคนกลับไปเปลี่ยนแปลง อัพเดต ตัวละครที่ทุกคนลงมาได้อีกครั้งหนึ่ง
ลิมิตครั้งสุดท้ายคือลงตอนต่อไป (ไม่เกินวันที่7ตุลาคม)
หรือถ้าหากท่านใดพอใจแล้ว จะคงที่ไว้แบบนี้ก็ได้ไม่ว่ากัน
ขอบพระคุณ
|
|