Post by lidynamasaki on Sept 12, 2016 13:20:21 GMT 7
'ตอนนี้ผมได้อยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่พวกเราช่วยกันสร้างมันขึ้นมา เดิมทีมันก็..ไม่มีคนมาอยู่อาศัยกันในนี้แต่แรกที่ตั้งใจมาอยู่ที่นี่เพราะสภาพแวดล้อมมันเหมือนกับฝันเลยแหละ สถานที่แห่งนี้มีแม่น้ำไหลผ่านจากเชิงเขา ป่าไม้ที่อดุมสมบูรณ์แถมทุ่งราบที่เหมาะกับการทำเกษตกรอีกด้วย'
ชายวัยกลางคนหนึ่งขาขาดไม่ถึงเข่า ข้างที่ขาดเสริมด้วยแท่งไม้ที่ทำเป็นเท้าเทียมแต่ก็ยังมีไม้เท้าไว้ช่วยพยุงตัวเขาเองเดินไปยังเขตก่อสร้าง
กลุ่มคนงานกำลังจะสร้างอาคารชั้นเดียวทำจากไม้ เขาไปยืนดูห่างๆเพราะไม่อยากไปรบกวนงานก่อสร้าง
"เสร็จเรียบร้อย!! เด็กๆทั้งหลายคืนนี้ต้องฉลองกันหน่อย!!" "เย้!! หลังงานเสร็จต้องแบบนี้สิ หัวหน้าช่าง"
"แต่หลังจากนั้นต้องทำของเล็กๆน้อยๆ และต้องหาคนเป็นครูที่นี่ด้วยวะ ฮ่าๆ!"
กลุ่มคนงานก่อสร้างพึ่งสร้างอาคารที่จะเป็นสถานที่ให้การศึกษาหรือจะเรียกว่า โรงเรียน พวกเขาต่างก็เก็บข้าวของเครื่องไม้เครื่องมือกันชายที่ถือไม้เท้าก็เดินตามทางไปยังที่อื่นต่อ
'พอเห็นแบบนี้แล้วเหมือนเรื่องที่ผ่านมามันเป็นเรื่องโกหก ผมเป็นใครเหรอ? เมื่อก่อนผมเป็นทหารคนหนึ่ง ทหารเดนตายที่สู้เพื่อประเทศเพื่อความมั่นคง เพื่อเกียติยศอันจอมปลอม ตอนแรกก็สู้ไปในฐานะทหารคนหนึ่งบางครั้งก็เจอคำสั่งแปลกๆบ้างและมีสาเหตุที่ทำให้ผลเปลี่ยนใจคือการกวาดล้างพื้นที่ๆหนึ่ง ตอนนั้นผมได้เห็น ปีศาจ ที่ว่ามาเมื่อกี้ไม่ใช่ปีศาจจริงๆหรอกแต่เป็นมนุษย์ด้วยกันที่ฆ่าผู้อื่นที่ไม่มีทางสู้ได้อย่างเลือดเย็น ผมที่อยู่ในเหตุการณ์กวาดล้างพื้นที่เพื่อนของผมที่รู้จักได้กลายเป็นปีศาจไปแล้ว มันฆ่าคนอื่นด้วยความสนุกสนานความสนุกที่ดับชีวิตของผู้อ่อนแอ ความสนุกที่เป็นเหมือนผู้กำหนดชีวิตผู้อื่น...เหรอ? ผมเห็นแบบนั้นก็เกิดคำถามในใจมากมายจนสุดท้ายผมก็ทิ้งเครื่องแบบทิ้งตราเกียติยศอันจอมปลอม ทิ้งบ้านเกิดทิ้งประเทศที่ตัวเองอยู่กลายเป็นทหารหนีทัพไปซะแล้ว'
ชายวัยกลางคนคนนั้นเดินเข้าไปในป่าที่ห่างจากหมู่บ้านไม่ไกลมากนักและยังคงเดินไปเรื่อยๆ
'ตอนแรกก็มีแค่ผมคนเดียวที่ออกเดินทางตามหาสถานที่ปราศจากสงคราม ก็ไม่รู้นะว่าทำไมหลังจากนั้นเริ่มมีผู้คนต่างหน้ามากมายอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มซะแล้ว พวกเขาก็มีจุดมุ่งหมายเดียวกันกับผม ซึ่งผมก็จำไม่ได้ว่าตอนแรกที่พบกับคนแรกที่จะร่วมเดินทางด้วยกันมันรู้สึกยังไง'
และเขาก็หยุดดูมอง สิ่งที่เหมือนป้อมปราการที่มีปืนใหญ่ขนาดมโหฬารทำจากเหล็กสภาพขึ้นสนิมบางส่วนแถมยังถูกแทรกแซงด้วยธรรมชาติจนเปรียบเสมือนบ้านของพวกสัตว์ป่าเสียแล้ว
'พอมาเห็นแบบนี้มันทำให้จำเรื่องเก่าๆได้ ใช่แล้วเป็นเรื่องที่ตัวผมนั้นรวบรวมกลุ่มผู้คนและพากันเดินทางมาจนสู่ที่แห่งนี้ได้ สถานที่ปราศจากสงคราม'
.
.
.
.
.
.
หลายปีก่อน
ณ.เนินทะเลทรายสูงแสงแดดที่ร้อนระอุมีคนสองใช้ผ้าขาดๆสีน้ำตาลปกปิดตัวไว้มีคนหนึ่งใช้กล้องตาเดียวที่เหมือนจะถอดมาจากปืนมาใช้แทนเป็นกล่องส่องทางไกล
"เห็นอะไรมั้ย?" คนที่อยู่ข้างๆถามคนที่ส่องกล้อง
"ดูแล้วปลอดภัย ไม่มีใครอยู่เลย ไปบอกคนด้านล่างว่าปลอดภัย วันนี้ได้เติมน้ำจากโอเอซิสแล้ว ฉันของเฝ้าอยู่ตรงนี้ก่อน"
คนนั้นรีบลงไปจากเนินทรายเพื่อไปแจ้งข่าวให้คนข้างล่าง
"ถึงจะเจอโอเอซิสแต่การเดินทางของพวกเรามันยังไม่จบหรอก"
ชายวัยกลางคนหนึ่งขาขาดไม่ถึงเข่า ข้างที่ขาดเสริมด้วยแท่งไม้ที่ทำเป็นเท้าเทียมแต่ก็ยังมีไม้เท้าไว้ช่วยพยุงตัวเขาเองเดินไปยังเขตก่อสร้าง
กลุ่มคนงานกำลังจะสร้างอาคารชั้นเดียวทำจากไม้ เขาไปยืนดูห่างๆเพราะไม่อยากไปรบกวนงานก่อสร้าง
"เสร็จเรียบร้อย!! เด็กๆทั้งหลายคืนนี้ต้องฉลองกันหน่อย!!" "เย้!! หลังงานเสร็จต้องแบบนี้สิ หัวหน้าช่าง"
"แต่หลังจากนั้นต้องทำของเล็กๆน้อยๆ และต้องหาคนเป็นครูที่นี่ด้วยวะ ฮ่าๆ!"
กลุ่มคนงานก่อสร้างพึ่งสร้างอาคารที่จะเป็นสถานที่ให้การศึกษาหรือจะเรียกว่า โรงเรียน พวกเขาต่างก็เก็บข้าวของเครื่องไม้เครื่องมือกันชายที่ถือไม้เท้าก็เดินตามทางไปยังที่อื่นต่อ
'พอเห็นแบบนี้แล้วเหมือนเรื่องที่ผ่านมามันเป็นเรื่องโกหก ผมเป็นใครเหรอ? เมื่อก่อนผมเป็นทหารคนหนึ่ง ทหารเดนตายที่สู้เพื่อประเทศเพื่อความมั่นคง เพื่อเกียติยศอันจอมปลอม ตอนแรกก็สู้ไปในฐานะทหารคนหนึ่งบางครั้งก็เจอคำสั่งแปลกๆบ้างและมีสาเหตุที่ทำให้ผลเปลี่ยนใจคือการกวาดล้างพื้นที่ๆหนึ่ง ตอนนั้นผมได้เห็น ปีศาจ ที่ว่ามาเมื่อกี้ไม่ใช่ปีศาจจริงๆหรอกแต่เป็นมนุษย์ด้วยกันที่ฆ่าผู้อื่นที่ไม่มีทางสู้ได้อย่างเลือดเย็น ผมที่อยู่ในเหตุการณ์กวาดล้างพื้นที่เพื่อนของผมที่รู้จักได้กลายเป็นปีศาจไปแล้ว มันฆ่าคนอื่นด้วยความสนุกสนานความสนุกที่ดับชีวิตของผู้อ่อนแอ ความสนุกที่เป็นเหมือนผู้กำหนดชีวิตผู้อื่น...เหรอ? ผมเห็นแบบนั้นก็เกิดคำถามในใจมากมายจนสุดท้ายผมก็ทิ้งเครื่องแบบทิ้งตราเกียติยศอันจอมปลอม ทิ้งบ้านเกิดทิ้งประเทศที่ตัวเองอยู่กลายเป็นทหารหนีทัพไปซะแล้ว'
ชายวัยกลางคนคนนั้นเดินเข้าไปในป่าที่ห่างจากหมู่บ้านไม่ไกลมากนักและยังคงเดินไปเรื่อยๆ
'ตอนแรกก็มีแค่ผมคนเดียวที่ออกเดินทางตามหาสถานที่ปราศจากสงคราม ก็ไม่รู้นะว่าทำไมหลังจากนั้นเริ่มมีผู้คนต่างหน้ามากมายอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มซะแล้ว พวกเขาก็มีจุดมุ่งหมายเดียวกันกับผม ซึ่งผมก็จำไม่ได้ว่าตอนแรกที่พบกับคนแรกที่จะร่วมเดินทางด้วยกันมันรู้สึกยังไง'
และเขาก็หยุดดูมอง สิ่งที่เหมือนป้อมปราการที่มีปืนใหญ่ขนาดมโหฬารทำจากเหล็กสภาพขึ้นสนิมบางส่วนแถมยังถูกแทรกแซงด้วยธรรมชาติจนเปรียบเสมือนบ้านของพวกสัตว์ป่าเสียแล้ว
'พอมาเห็นแบบนี้มันทำให้จำเรื่องเก่าๆได้ ใช่แล้วเป็นเรื่องที่ตัวผมนั้นรวบรวมกลุ่มผู้คนและพากันเดินทางมาจนสู่ที่แห่งนี้ได้ สถานที่ปราศจากสงคราม'
.
.
.
.
.
.
หลายปีก่อน
ณ.เนินทะเลทรายสูงแสงแดดที่ร้อนระอุมีคนสองใช้ผ้าขาดๆสีน้ำตาลปกปิดตัวไว้มีคนหนึ่งใช้กล้องตาเดียวที่เหมือนจะถอดมาจากปืนมาใช้แทนเป็นกล่องส่องทางไกล
"เห็นอะไรมั้ย?" คนที่อยู่ข้างๆถามคนที่ส่องกล้อง
"ดูแล้วปลอดภัย ไม่มีใครอยู่เลย ไปบอกคนด้านล่างว่าปลอดภัย วันนี้ได้เติมน้ำจากโอเอซิสแล้ว ฉันของเฝ้าอยู่ตรงนี้ก่อน"
คนนั้นรีบลงไปจากเนินทรายเพื่อไปแจ้งข่าวให้คนข้างล่าง
"ถึงจะเจอโอเอซิสแต่การเดินทางของพวกเรามันยังไม่จบหรอก"